Tag : Namnin clinic
“ปรึกษาแพทย์” สำคัญแค่ไหน?
“ปรึกษาแพทย์” สำคัญแค่ไหน?
ก่อนตัดสินใจปลูกผม
อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจปลูกผม 

  • ถ้าเรายังไม่รู้ว่า การปลูกผมคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน
  • เราจะต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง 
  • เราสามารถคาดหวังผลลัพธ์ผมใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน
  • และจะต้องใช้แนวทางการรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม 
  • หรือว่าเรายังหลงเหลือข้อสงสัยคาใจที่ยังไม่ได้คำตอบ

เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การปลูกผมใหม่ครั้งนี้ จะเป็น การลงทุนที่คุ้มค่า อย่างแท้จริง หากยังไม่รู้ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ดีพอ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นามนินย้ำเสมอว่า ขั้นตอนการพบแพทย์เพื่อพูดคุยปรึกษา ไม่เพียงเป็นขั้นตอนแรกสุด แต่ยังเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไม่แพ้กระบวนการไหน ๆ ก่อนที่เราจะตัดสินใจปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงโอกาสที่เกิดขึ้นได้ครั้งเดียวในชีวิต


ทำไมต้อง “ปรึกษาแพทย์” ก่อนตัดสินใจปลูกผม

เพราะการปลูกผม ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ
การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์ความรู้ด้านเส้นผม และมุมมองความงามเชิงศิลป์ มีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยความละเอียดประณีต มีข้อจำกัดที่คนไข้ควรต้องรับทราบ และมีระยะเวลาในการติดตามผลยาวนานถึง 1 ปี ทั้งหมดนี้ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น จึงเลือกให้ “เวลา” กับขั้นตอนการพูดคุยปรึกษากับคนไข้อย่างเต็มที่ เปลี่ยนทุกชั่วโมงและนาทีให้กลายเป็นเวลาคุณภาพ ในการอธิบายทุกขั้นตอนการรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ และตอบคำถามเคลียร์ทุกข้อสงสัย แบบที่ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตซึ่งมีอยู่มากมายก็ไม่อาจตอบได้ครบถ้วน จนคนไข้เห็นภาพเส้นทางการรักษาตลอด 1 ปีเต็มได้อย่างชัดเจน


เพราะการปลูกผม เป็นการรักษาแบบเฉพาะบุคคล 
ที่นามนิน เราไม่มีสูตรสำเร็จในการรักษา ตรงกันข้าม คุณหมอนินจะออกแบบการรักษาแบบ Tailor-made หรือ Case-by-case เฉพาะคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณหมอได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ระหว่างขั้นตอนการปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม ความกังวลต่าง ๆ รวมถึงความต้องการของคนไข้ รวมไปถึงข้อจำกัดจากเพศ วัย สภาพผม โดยเฉพาะปริมาณกราฟต์ต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่เหลืออยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนในการคำนวณกราฟต์ผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนให้ตรงจุดมากที่สุดนั่นเอง 


เพราะการปลูกผม คือการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้
ต่อให้แพทย์มีความชำนาญแค่ไหน แต่ถ้าคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือระหว่างเส้นทางการปลูกผม ผลลัพธ์ก็อาจจะออกมาไม่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจปลูกผม คุณหมอจึงใช้ช่วงเวลาที่สำคัญนี้ในการอธิบายถึงรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ ว่าคุณหมอจะมีบทบาทอย่างไรตลอดระยะการรักษา 1 ปี ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบแนวทางการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตนเอง ไปจนถึงการติดตามผลและให้คำแนะนำทุก ๆ ระยะ ขณะเดียวกัน คนไข้ก็มีส่วนสำคัญในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เพื่อดูแลทะนุถนอมผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณหมอไม่สามารถวางแผนคนเดียวได้ แต่จะต้องเป็นการวางแผนร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เส้นผมที่เติบโต แข็งแรง สมบูรณ์



เพราะนี่คือโอกาสทำความรู้จักแพทย์ให้มากขึ้น จากการคุยกันครั้งแรก
คนไข้หลาย ๆ คนบอกตรงกันว่า พวกเขาตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมได้ง่ายขึ้น หรือแทบไม่ต้องลังเล หลังจากได้พูดคุยโดยตรงกับคุณหมอนิน เพราะทำให้ได้เห็นถึงแนวคิด อัธยาศัย วิธีการตอบคำถาม วิธีการทำความเข้าใจคนไข้ รวมถึงวิธีการออกแบบการรักษา ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความชำนาญ และความใส่ใจของคุณหมอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับทราบถึงรายละเอียดพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณหมอลงมือปลูกผมให้เองทุกกราฟต์ การที่คุณหมอเลือกอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่คุณหมอพัฒนาต่อยอดขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งกว่าให้กับคนไข้ ทั้งหมดนี้ ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นในการตัดสินใจปลูกผมด้วย


และนี่ก็คือความสำคัญของขั้นตอนการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจปลูกผม ซึ่งที่นามนิน ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาพูดคุยกับคุณหมอได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รับรองว่า เวลา 1 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับคุณหมอ คุ้มค่าพอกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ถึง 1 ปีอย่างแน่นอน

หลักสูตรปลูกผม เพื่อแพทย์โดยเฉพาะ
ADVANCE HAND-ON HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรปลูกผม กลุ่มเล็ก - เจาะลึก
เพื่อแพทย์โดยเฉพาะ

เติมเต็มประสบการณ์และอัปเดตทักษะความรู้ด้านการปลูกผม กับแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้พัฒนาเทคนิ ในหลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์อย่างเข้มข้น ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกบแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ให้ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมลงมือปลูกผมจริงให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการ เพื่อฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์จริง โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็ก เป็นหลักสูตรที่ถ่ายทอดเนื้อหาได้อย่างทั่วถึง ครบจบทุกขั้นตอนในเวลาเพียง 2 วัน ซึ่งจะทำให้ผู้รับการอบรมเข้าใจทุกกระบวนการในการทำงานอย่างชัดเจน

นามนินขอแสดงความยินดีกับแพทย์ทุกท่าน ที่ผ่านการอบรมด้วยดีค่ะ





















ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


4 ข้อควรรู้ก่อนการปลูกผม
“ปัญหา ข้อจำกัด และการแก้ไขในแบบของตัวเอง” แต่ละคนมีปัญหาและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การปลูกผมจึงต้องออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล การปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมและประเมินจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องใช้ปลูกอย่างแม่นยำ จะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นในการตัดสินใจ ทั้งในด้านผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้หลังการปลูกผม และค่าใช้จ่ายที่ควรจะ “คุ้มค่า” และ “สมเหตุสมผล” ด้วยค่ะ

การประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมและจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้นั้นเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้คาดคะเนผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ในเบื้องต้น หากปัญหาไม่รุนแรงมากหรือผู้ที่ต้องการปลูกผมเพื่อเสริมบุคลิก พื้นที่ที่ต้องปลูกผมมีไม่มาก ผมต้นทุนบริเวณท้ายทอยยังมีจำนวนมากและแข็งแรง หลังการนำกราฟต์ผมไปปลูก ผมที่ขึ้นใหม่ก็จะหนาแน่น ดูเป็นธรรมชาติ เพราะไม่จำเป็นต้องกระจายกราฟต์ผมต้นทุนไปปลูกที่บริเวณอื่น แต่หากในกรณีที่ปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางรุนแรง เช่น ผมบางพร้อมกันหลายจุด ทั้งด้านหน้าและกลางศีรษะ การแก้ปัญหาก็จะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์มากเป็นพิเศษ เพราะต้องกระจายกราฟต์ผมไปปลูกให้ทั่วทุกจุด ในกรณีนี้ ยิ่งต้องควรให้แพทย์เป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาให้อย่างละเอียด และควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนถึงผลลัพธ์ที่จะได้ก่อนตัดสินใจ เพราะการปลูกผมบางเทคนิคอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ได้ คุณต้องเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของตัวเองที่สุดค่ะ

“แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองทุกกราฟต์” สิ่งนี้เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมเลยนะคะ ในปัจจุบันการปลูกผมมี 2 แบบ คือ แพทย์ปลูกผมเองทุกกราฟต์ หรือ ทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ปลูกผมภายใต้การควบคุมของแพทย์ ซึ่งจะมีรายละเอียดการทำหัตถการที่แตกต่างกัน

จุดเด่นของการที่แพทย์เป็นผู้ปลูกผมเอง คือ ฝีมือและความชำนาญเฉพาะตัวของแพทย์ เนื่องจากปัญหา และข้อจำกัดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน องค์ประกอบสำคัญที่จะมอบความมั่นใจให้ผู้เข้ารับบริการได้ดีที่สุด คือ การคำนวณและการวางแผนใช้กราฟต์ผมในขณะปลูกอย่างคุ้มค่าทุกกราฟต์ ความละเอียดและพิถีพิถันในการเลือกปลูกผมแต่ละเส้นอย่างเหมาะสมทั้งขนาดของเส้นผม ความหนาแน่นและองศาทิศทางของผม รวมไปถึงความแม่นยำและไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชาญฉลาดของแพทย์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยคลายความกังวลและมอบความรู้สึก “ดีเป็นพิเศษ” ให้กับการปลูกผมของคุณค่ะ

“เทคนิคที่ตอบโจทย์ตัวคุณที่สุด” ในปัจจุบันมีเทคนิคหลากหลายในการปลูกผม อาทิเช่น FUT / FUE / DHI ซึ่งแต่ละเทคนิคก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับที่นามนิน คลินิก เมื่อมีแพทย์เป็นหัวใจหลักแล้ว “เทคนิคการปลูกผม” ก็เปรียบเป็น “สมอง” ที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมกับหัวใจค่ะ คุณหมอนินจึงคิดค้น “NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงามและความสะดวกสบายของผู้เข้ารับบริการ

ความพิเศษของเทคนิค NEAT คือ ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง เพราะใช้เทคนิคการเจาะนำผมออกแต่ละเส้นแบบขั้นบันได ไม่เว้าแหว่ง หลังการเจาะนำผมออกจึงไว้ผมทรงเดิมได้ ไม่ต้องตัดสั้น ไม่ต้องปกปิดรอยแผลใดๆ ส่วนในขั้นตอนการปลูกผม จะคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกตามความเหมาะสมทีละกราฟต์อย่างแม่นยำ จัดวางองศาให้อิงตามทิศทางธรรมชาติ ปลูกตาม Hairline ที่กำหนดไว้และปลูกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความแนบเนียน กลมกลืน และเทคนิคนี้ยังสามารถปลูกผมแทรกในบริเวณอื่นๆที่มีปัญหาได้ด้วย ที่สำคัญที่สุด ทุกขั้นตอนที่กล่าวมานั้น “แพทย์” เป็นผู้ลงมือทำด้วยตัวเองค่ะ

ลบภาพความทรงจำเดิมๆ ที่น่ากลัวของการปลูกผมไปได้เลยค่ะ เพราะเทคนิค NEAT นั้นจะมอบความสะดวกสบายให้คุณอย่างเกินความคาดหมาย ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 mm. ทำให้ปลูกผมได้หนาแน่น ละเอียด ในขณะปลูกผมก็เจ็บน้อย ไม่กระทบกระเทือนหนังศีรษะส่วนอื่น รอยแผลมีขนาดเล็กมาก หลังปลูกผมไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

“การดูแลหลังการปลูกผม” เพราะการปลูกผมไม่ได้จบแค่วันเดียวนะคะ หลังการปลูกผมคุณจะต้องพบเจอภาวะที่หลากหลายที่อาจทำให้สับสนและกังวลใจ การดูแลต่อเนื่องและติดตามผลอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งนามนิน คลินิก เข้าใจถึงความกังวลของผู้เข้ารับบริการ หลังการปลูกผมจึงมอบการดูแลด้วย “ชุดดูแลหลังปลูกผม” ให้ทันที ภายในชุดจะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรแล้วว่าปลอดภัย อ่อนโยน บำรุงทั้งเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก ให้ผู้เข้ารับบริการได้นำไปดูแลตนเองต่อที่บ้านได้อย่างมั่นใจค่ะ

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมบำรุงเส้นผม ทั้ง LLLT และ Hair Growth Treatment เพื่อเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มั่นใจได้เลยค่ะว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม คุณจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง มั่นใจ อุ่นใจ ไร้กังวลแน่นอน

ถ้าอ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วยังรู้สึก “ไม่เคลียร์ ไม่มั่นใจ ไม่รู้จะเลือกยังไงดี” การก้าวออกไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดค่ะ ถ้าคุณติดกระดุมเม็ดแรกได้อย่างถูกต้อง กระดุมเม็ดต่อๆไปก็มั่นใจได้ 100% เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์ คุณจะได้เห็นตัวเองในชุดที่คุณเลือกเองและมั่นใจในรูปแบบที่เป็นตัวเอง Perfect แน่นอนค่ะ

NEAT เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ส่งต่อความประทับใจ
ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมบางและศีรษะล้านได้มากกว่าผู้หญิง มีสาเหตุจากฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ซึ่งการตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพวกเขาเหล่านี้ตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของ “นามนิน” ในการแก้ปัญหา เพราะอะไร? พวกเขายินดีจะมาเปิดเผยความรู้สึกและความประทับใจให้ได้ทราบกันค่ะ


นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ก่อนปลูกผม มีปัญหาผมเริ่มบาง จนคุณหมอขาดความมั่นใจ แต่ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำให้ต้องพบเจอผู้คนมากมาย คุณหมอเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเวลาต้องออกสู่สังคม แต่หลังจากตัดสินใจเข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน หลังการปลูกผมเพียง 8 เดือน ได้ผลลัพธ์ดีมาก ผมหนาขึ้น คุณหมอได้ความมั่นใจกลับคืนมา สุขภาพจิตดีขึ้น มีอิสระในการเลือกทรงผม คุณหมอยังบอกอีกว่า “หลังปลูกผม ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา เขาทักว่า ทำไมหน้าเด็กลง”

เหตุผลที่คุณหมอเลือกเทคนิค NEAT เพราะมั่นใจตรงที่คุณหมอนินลงมือปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง ซึ่งจากการหาข้อมูลมาอย่างละเอียด บางคลีนิคเป็นทีมสหวิชาชีพทำหัตถการให้ มีแพทย์เป็นเพียงผู้ดูแลเท่านั้น คุณหมอจึงแนะนำให้ผู้ที่สนใจการปลูกผมควรศึกษารายละเอียด แล้วเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเราและคุณภาพคุ้มค่ากับราคา เพราะได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า NEAT ให้คุณหมอได้กลับคืนมามากกว่าการปลูกผม เพราะได้ความสุขในการใช้ชีวิตกลับคืนมาด้วย



คุณปั๊กกี้ นครินทร์ เอี่ยมอำพร พนักงานบริษัทเอกชน “หมอบอกว่าจะเห็นผลตอนประมาณ 18 เดือน แต่ตอนนี้แค่ 6 เดือน ผมยังขึ้นมาขนาดนี้” เมื่อเข้าสู่วัยเลขสาม คุณปั๊กกี้ เริ่มพบปัญหาผมบริเวณด้านหน้าบางเป็นตัว M ทำให้รู้สึกเป็นกังวลและเครียดมาก ในช่วงแรกทำใจ ยอมรับสภาพ แต่ที่ทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกผมที่นามนิน เพราะเห็นเพื่อนปลูกผมแล้วดูดีขึ้น  

เมื่อคุณปั๊กกี้เข้ามาพบกับคุณหมอนินก็ประทับใจมาก เพราะคุณหมออธิบายข้อมูลอย่างละเอียด ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนทุกประเด็น ทำให้คุณปั๊กกี้เปลี่ยนความคิดไปเลยว่า ทันทีที่รู้สึกว่ามีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอจนอายุมาก คุณปั๊กกี้ยังเล่าประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ว่าตอนคุณหมอปลูกผมนั้นไม่เจ็บเลย ไม่กังวล ไม่เครียด และประทับใจในความใส่ใจและการดูแลของคุณหมอมาก จึงดูแลตัวเองตามคุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด เลิกบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ หลังปลูกเพียง  6 เดือน ผลลัพธ์ดีมาก ผมใหม่ขึ้นหนาแน่น Hairline ที่คุณหมออกแบบให้ก็ทำให้หน้าดูมีมิติขึ้น ดูดีจนเพื่อนทัก เป็นปลื้มและ Happy สุดๆ


คุณเต๋อ นักแสดง พิธีกรและดีเจ คอนเฟิร์มอีกเสียงหนึ่งว่า เทคนิค NEAT ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้านและผมร่วงได้จริง ก่อนปลูกผม คุณเต๋อมีปัญหาผมข้างหน้าเว้าลึก ดูแก่กว่าวัยจนเริ่มไม่มั่นใจ และด้วยการทำงานในวงการบันเทิง ทำให้ต้องจัดแต่งทรงผมหลายสไตล์เพื่อให้เข้ากับแต่ละงาน จึงเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนิน


หลังปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เสร็จสมบูรณ์ ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ผมด้านหน้าหนาแน่น ทิศทางแนบเนียนดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ หน้าดูเด็กลงได้จริงๆ หลังการปลูกผม คุณหมอยังมอบผลิตภัณฑ์ให้นำกลับไปดูแลตัวเองต่อและยังติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี คุณเต๋อเล่าว่า คุณหมอและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่นามนิน คลินิก ดูแลและใส่ใจดีมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้มา Follow up และพูดคุยกับคุณหมอที่คลินิก แม้การปลูกผมจะเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ความประทับใจยังคงอยู่ในความรู้สึกของคุณเต๋อตลอดเวลา



คุณสมชาย ชลศรานนท์ ผู้แทนบริษัทยา ผู้ที่ผิดหวังจากการปลูกผมครั้งแรกจากคลินิกอื่น “ปลูกผมครั้งแรก เลือกที่ราคาเป็นหลัก ผมยังห่าง ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง” จึงต้องการปลูกผมครั้งที่ 2 เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดจากการปลูกครั้งแรกที่ตัดสินใจผิดและขาดความรู้ในการปลูกผม เพราะคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ 

การปลูกผมครั้งที่ 2 คุณสมชายตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของนามนิน เพราะจากการได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณสมชายได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา จนเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการปลูกผมครั้งที่ 2 และตัดสินใจด้วยตนเอง 100% 

ที่คุณสมชายเลือก NEAT เพราะเครื่องมือมีขนาดเล็ก จึงจะสามารถปลูกผมได้หนาแน่นกว่าเดิม และในวันที่ปลูกผมก็ยังประทับใจมากเพราะคุณหมอลงมือทำเองทุกอย่าง ตัดผมให้และเป็นผู้ปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง หลังปลูกผม 6 เดือน ผมหนาแน่นขึ้นมาก จึงมั่นใจว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ถูกต้องที่สุด คุณสมชายจึงแนะนำว่าหากผู้ใดที่ต้องการปลูกผม สิ่งแรกที่ควรทำคือ ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน การปลูกผมก็เหมือนการลงทุน ถูกและดีไม่มีจริงในโลก ไม่ควรเลือกที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว การลงทุนที่คุ้มค่าไม่ใช่การลงทุนที่ต้องลงทุนสูง แต่เป็นการลงทุนกับสิ่งที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับตัวเองต่างหาก

ทุกคนที่ตัดสินใจเลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ต่างได้รับความประทับใจและได้ความสุขในชีวิตกลับคืนมา เพราะเทคนิค NEAT คือความลงตัวของศาสตร์และศิลป์ ที่คุณหมอนินได้คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กับทุกปัญหาและความต้องการที่หลากหลาย หากผู้ใดที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมถาวร สิ่งแรกที่ควรทำคือการเปิดใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจที่รับรองว่าจะไม่ผิดพลาดแน่นอน “การปลูกผม เริ่มเร็ว ผลลัพธ์ดี” นามนิน ฝากไว้ให้คิดค่ะ

3 ตัวช่วย บำรุงผมหลังปลูก
นามนิน ไม่เพียงมอบประสบการณ์การปลูกผมแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จนถึงวันที่แพทย์ลงมือทำหัตถการปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น แต่ยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกผมไปอีกตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งนอกจากแพทย์จะเป็นผู้ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดแล้ว นามนินยังขอเสนอ บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูก ที่คนรักผมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

HAIR GROWTH TREATMENT

นวัตกรรมการรักษาจากนามนินที่หลาย ๆ คนพิสูจน์ผลลัพธ์อันน่าประทับใจมาแล้ว เป็นการนำ Growth Factor จากเซลล์ของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง มาช่วยในการทำงานของเซลล์รากผมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังผสานพลังจากวิตามินเข้มข้นมากคุณประโยชน์ กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง พร้อมบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเลือกแล้วว่าเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาเทคนิคการรักษาเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะผมร่วงและผมบางได้อีกด้วย

สำหรับขั้นตอนที่สำคัญของบริการ Hair Growth Treatment จะเริ่มจากการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับของผู้เข้ารับการรักษา ก่อนจะเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือดลงไป แล้วปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเลือดออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด จากนั้นจึงสกัด Growth Factor ที่สำคัญต่าง ๆ ออกมาด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย และฉีดกลับลงบนหนังศีรษะให้กับผู้เข้ารับการรักษาอีกครั้ง

นี่จึงเป็นนวัตกรรมเพื่อเส้นผมที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor ตามธรรมชาติของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ไม่มีการใช้สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ จึงไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ โดยผู้เข้ารับการรักษาสามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงระวังไม่ให้หนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นในสัปดาห์ต่อมาสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมที่มีความอ่อนโยน สระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และระมัดระวังการออกกำลังกายที่หนักเกินไป 

เพียงเท่านี้ ผู้เข้ารับการรักษาก็สัมผัสผลลัพธ์ในการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงการซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย ผมใหม่หลังปลูกจึงแข็งแรง สุขภาพดี สมกับที่รอคอย

NAD+ CELL THERAPY

นี่คือนวัตกรรมใหม่มาแรงที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและเส้นผมได้ลึกถึงระดับเซลล์ โดย NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide คือโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีอยู่ในเซลล์ทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัยของเซลล์ต่าง ๆ กระตุ้นให้เกิดการแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน รวมถึงดูแลควบคุมเซลล์ให้มีความแข็งแรง จึงมีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ชะลออาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น การเกิดโรคต่าง ๆ การทำงานของสมองที่ช้าลง อาการความจำเสื่อม หรือแม้กระทั่งอาการอ่อนล้าของร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกายจะผลิต NAD+ ได้ตามธรรมชาติอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ NAD+ ก็อาจลดลงเรื่อย ๆ ตามวัย มีการประเมินว่าเมื่อเรามีอายุ 50 ปี ระดับของ NAD+ จะลดเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของตอนอายุ 20 ปี และเมื่ออายุ 70 ปี ระดับของ NAD+ อาจเหลือเพียง 20% ส่งผลกระทบต่อโปรตีนตัวสำคัญที่ช่วยปกป้อง DNA และควบคุมการเสื่อมถอยของเซลล์ ทั้งยังส่งผลด้านลบต่อการทำงานของสมอง รวมถึงสมรรถภาพร่างกายที่ถดถอยลง

NAD+ Cell Therapy จึงเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อเติม NAD+ กลับเข้าสู่ร่างกาย นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง ลดอาการสมองล้าและช่วยให้ความจำดีขึ้น ลดการอักเสบภายในเซลล์และช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซม DNA ได้ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

สำหรับวิธีการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ควบคุมดูแลขั้นตอนต่าง ๆ โดยเฉพาะการให้ NAD+ ผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งจะสามารถตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการดูดซึมจากทางเดินอาหาร ถือเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์จากภายในให้กับร่างกายและเส้นผม โดยเฉพาะเส้นผมหลังปลูกที่ต้องการการบำรุงดูแลเป็นพิเศษนั่นเอง


HPE GROWTH FACTOR

Treatment ใหม่ล่าสุด เพื่อการดูแลแบบสุด Exclusive จากนามนิน ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม รวมถึงผู้รักสุขภาพทุกคน ได้ฟื้นฟูบำรุงรักษาร่างกายและเส้นผมอย่างล้ำลึกจากภายใน 

พระเอกของนวัตกรรมนี้ก็คือ HPE หรือ Human Placenta Extract สารสกัดจากรกของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยสารสำคัญซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเอนไซม์หรือสารเปปไทด์ต่าง ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Growth Factor ซึ่งมีในปริมาณสูง ทั้งยังปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกายของคนเรา ทำให้สามารถดูดซึมได้ง่าย ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง 

ที่สำคัญ HPE มีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ ช่วยสมานแผล และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม รวมไปถึงการต่อต้านอนุมูลอิสระ การฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่า Treatment เดียว ครบ จบทั้งการบำรุงร่างกายและเส้นผม เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูกเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของนามนิน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับการรักษาในทุก ๆ ก้าวตลอดการเดินทางอันยาวนาน บนเส้นทางสู่ผมใหม่ที่แข็งแรงและสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงระยะหลังจากปลูกผม เพื่อเติมเต็มกระบวนการรักษาให้ครบสมบูรณ์ และเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้นกว่าเดิม

.

NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เพื่อเส้นผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ตลอดจนผมล้าน นับเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ต้องดูแลต่อเนื่องในระยะยาว หากถามว่าในการปลูกผมให้ประสบความสำเร็จแต่ละครั้ง ต้องอาศัยปัจจัยข้อใดบ้าง คำตอบแรกก็คงจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์ ที่จะเป็นผู้นำองค์ความรู้ทางการแพทย์มาทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ แต่เมื่อการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ผสานรวมกัน แพทย์จึงต้องสวมหัวใจและสายตาของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ตั้งอยู่บนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ตัวตน และความต้องการของผู้เข้ารับบริการด้วย

ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ “ความประณีตและพิถีพิถัน” เนื่องจากแพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผมเส้นเล็ก ๆ นับพันนับหมื่นเส้น บนพื้นที่แคบ ๆ เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหนังศีรษะ โดยใช้สองมือในการทำอย่างบรรจงและตั้งใจ งานปลูกผมจึงเป็นงานฝีมือแสนละเอียดอ่อน และมีความท้าทาย แบบที่หุ่นยนต์ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อไหน ๆ นั่นก็คือ “เวลา” ต้องอย่าลืมว่า เรากำลังทำงานกับระบบร่างกายของมนุษย์ เส้นผมที่ปลูกลงไปนั้น คือเส้นผมจริง ที่มีวงจรชีวิตตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง ตราบใดที่ยังไม่มีวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดในโลกที่สามารถสั่งให้เส้นผมงอกยาวขึ้นได้ในวันเดียว ทั้งแพทย์และเจ้าของเส้นผม ต่างก็ต้องอดทนรอให้เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่และค่อย ๆ ยาวขึ้นตามจังหวะการเติบโตของเส้นผมเอง ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม ๆ 

ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า การปลูกผมคือศิลปะและหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ซึ่งความต่อเนื่องยาวนานในการรักษานั้น ก็ทำให้มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแพทย์ในกระบวนการปลูกผม คือ “ความใส่ใจ” เพราะหากละทิ้งหรือหลงลืมที่จะดูแลติดตามการเติบโตของเส้นผมไปแม้ช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือขาดความต่อเนื่องในการรักษา ผลลัพธ์การปลูกผมอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ และระหว่างเส้นทางการปลูกผมตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น แพทย์ไม่เพียงเป็นผู้รักษา แต่หลายครั้งแพทย์ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลแนะนำด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วย เพื่อให้หนึ่งปีนั้นเป็นหนึ่งปีแห่งประสบการณ์การปลูกผมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เข้ารับบริการทุก ๆ คน


NEAT – Namnin / Exclusive / Advanced Hair Transplant / Technique

กระบวนการรักษาทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคนิค NEAT  หรือ Namnin Exclusive Advance Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน พัฒนาขึ้นโดยแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งคลินิกนามนิน ใช้นวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หมายถึงการย้ายรากผมที่แข็งแรงสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 

จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความใส่ใจ

เส้นทางหนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คุณก้าวเท้าเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ซึ่งจะช่วยประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับคำปรึกษาเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงเป็นการประเมินพื้นที่ในการปลูกผม ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้เข้ารับคำปรึกษา หลาย ๆ คนสามารถจบปัญหาเส้นผมได้สมบูรณ์แบบจากการปลูกผมเพียงครั้งเดียว แต่หากภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน กินพื้นที่หนังศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ก็สามารถวางแผนบริหารทรัพยากรผมบริเวณท้ายทอยด้านหลัง เพื่อทำการปลูกผม 2 ครั้งได้เช่นกัน 

ขั้นตอนสำคัญยังรวมไปถึงการออกแบบ Hairline หรือแนวผมที่จะปลูกลงใหม่ ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า ตลอดจนเพศ วัย และแนวผมเดิมของผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยใช้หลัก Golden ratio หรือสัดส่วนทอง มาช่วยในการสร้างสรรค์กรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้เอง แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการวาดเส้น Hairline เฉพาะบุคคล ให้ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด



เทคนิคซ่อนแผลบริเวณท้ายทอยด้านหลัง

บริเวณท้ายทอยด้านหลังเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด แพทย์จึงเลือกนำเซลล์รากผมออกจากบริเวณนี้เพื่อนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยใช้เทคนิคแบบ “ขั้นบันได” ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เจาะนำเซลล์รากผมออกมาเป็นแถบ ๆ เหมือนขั้นบันได โดยไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถซ่อนแผลเล็ก ๆ แนบเนียนกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับการปลูกผมได้เลย 

ปลูกผมใหม่ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร

หลังจากนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาตรวจสอบและแยกเซลล์ด้วยกล้องไมโครสโคป รวมถึงแช่ในน้ำยารักษาเซลล์ เพื่อคงสภาพความแข็งแรงของเซลล์รากผมไว้ให้ได้มากที่สุดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะเลือกใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร เจาะเปิดลงไปบนหนังศีรษะ แล้วค่อย ๆ นำกลุ่มเซลล์รากผม หรือกราฟต์ผมมาปักใหม่ ให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น เป็นเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับเส้นผมที่จะงอกขึ้นใหม่

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องวางทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความหนาแน่นผมที่แตกต่างกันในผู้ชายและผู้หญิง ตลอดจนลักษณะของทรงผมเดิมด้วย เพื่อให้ผมชุดใหม่มีความหนาแน่นเพียงพอและเหมาะสม หากผู้เข้ารับการปลูกผมมีปัญหาผมบาง แพทย์จะใช้เทคนิคปลูกผมแทรก หรือปลูกผมตามแนวไรผม โดยระมัดระวังเป็นพิเศษให้เส้นผมที่ปลูกใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก 

อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก จะช่วยให้แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ รวมถึงแทบไม่มีสะเก็ดแผลหรือมีเพียงขนาดเล็กมาก ผู้เข้ารับปลูกผมจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที

การดูแลหลังการปลูกผม 

แน่นอนว่า เส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากทำหัตถการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดตรวจสภาพผมและบริการสระผมหรือล้างแผลให้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเพื่อให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะหลังปลูก 14 วัน, 1 เดือน, 4 เดือน, 8 เดือน, และ 1 ปีตามลำดับ เนื่องจากเส้นผมมีวงจรในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

  • เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสามารถสังเกตตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
  • หลังปลูกผมผ่านไป 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมปกติ
  • ในช่วงเดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


ตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้ แพทย์จะคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของเส้นผม

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการปลูกผม 
นับเป็นช่วงสำคัญสุดที่จะดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่ให้อยู่รอด ไม่หลุดร่วงหายไป และเจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังค่อย ๆ แข็งตัว หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้ ทั้งยังต้องระวังการเกิดสิว ซึ่งมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันอุดตัน รวมถึงอาการรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

  • เมื่อ 2 สัปดาห์แรกผ่านไป 
รากผมเริ่มจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามอาการเบื้องต้น และเสริมด้วยบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม ร่วมกับการให้บริการ Hair Growth Treatment หรือการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา

ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม 
จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ไปอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่แพทย์จะเป็นผู้ทำความเข้าใจว่า นี่เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่ทำการปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

  • หลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป 
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่าเส้นผมมีความแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

หลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งตลอดการเดินทาง “หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ” นี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ ...เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่

NEAT for NEW
ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่



ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

การออกแบบ Hairline และการปลูกผมเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ที่นามนิน คุณหมอนินจะออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมโดยจะทำการปลูกผมโดยใช้เส้นผมลักษณะต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้หลังปลูกผมนั้น เส้นผมของคุณดูเป็นธรรมชาติ
ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

เพราะปัญหาผมร่วง รอไม่ได้ ปลูกผมคืนความมั่นใจก่อนสายเกิน
...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...

นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม 

แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย



หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้ 

และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป




หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง

ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป 



นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด

ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้

สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์



อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย



ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง 

ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์ 
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic

กลับมารักผมได้มั๊ย
เรื่องเครียดๆ ที่ไม่คาดฝันก็มักมาแบบไม่รู้ตัว ส่งผลทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย บางครั้งเราก็รู้ตัวทันเพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยตรง เช่น เครียดจนปวดหัว กินข้าวไม่ได้ หน้าตาหมองคล้ำ แต่บางครั้งความเครียดก็แอบซุ่มทำลายบุคลิกภาพไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการผมร่วง ซึ่งก็มักจะไปแอบร่วงแถวบริเวณกลางศีรษะ จนมีคนทักนั่นแหละถึงได้รู้ว่ากำลังมีผมทรงไข่ดาว

โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะมีลักษณะของเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นกระจุก เป็นวงๆ มักเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายรากผม สำหรับสาเหตุนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ หรือมีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ด่างขาว ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หอบหืด อย่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด และที่น่ากลัวมากคือการมีความเครียดเรื้อรังสูง ยิ่งเครียดผมยิ่งร่วง แต่พอหายเครียด อ้าวมีไข่ดาวมาซะงั้น ที่สำคัญโรคผมร่วงเป็นหย่อมแบบนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากก็ในวัยทำงาน ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ

แล้วถ้าถามว่าโรคนี้รักษาหายหรือเปล่า คำตอบคือ รักษาได้ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้

50% ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยถึงต้นเหตุแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน – 1 ปี

90% ปล่อยให้หายเอง แต่กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็อาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี

10% ที่ไม่พบหมอ และผมหลุดร่วงแบบถาวร เซลล์รากผมตาย ไม่งอกกลับมาเหมือนเดิม หรืองอกใหม่แต่ก็ร่วงอีก

แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนใน 10% นั้น คุณจะปล่อยให้ผมรับชะตากรรมไปแบบนั้น หรือเลือกที่จะคืนชีพให้เส้นผม

“อยากชวนคุณมารักผม”

สมัยนี้การปลูกผม ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ NAMNIN ใช้เทคนิค NEAT ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผมให้ขึ้น แต่ยังเป็นการคำนึงถึงผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะความกังวลแรกของผู้ที่อยากปลูกผมคือกลัวเจ็บ และกลัวว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อเจาะย้ายเซลล์รากผม รวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นอีก ข้อกังวลใจเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะ NAMNIN เลือกใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ทันสมัยสุดตอนนี้จากประเทศเกาหลี แผลที่เกิดจากการย้ายเซลล์รากผมก็จะเป็นเพียงสะเก็ดเล็กๆ ทำให้แผลแห้งไว รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้ายแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผมให้เสียทรง เพราะยังมีเส้นผมปกปิดรอยแผลจนเป็นที่สังเกตได้ยาก นอกจากนี้การนำเซลล์รากผมย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา คุณหมอก็จะออกแบบทิศทางการงอกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ทุกขั้นตอนที่ NAMNIN  คุณหมอจะเป็นผู้ที่ดูแลทำการรักษาเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นความใส่ใจที่คุณหมอมีให้กับทุกคนจริงๆ

ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาแล้ว อย่าลืมให้ NAMNIN เป็นเสมือนกามเทพคืนชีพให้เส้นผม เพื่อเปลี่ยนลุค ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างมั่นใจ
ข่าว Manager online “นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”


Link ข่าว : https://mgronline.com/business/detail/9640000015183?fbclid=IwAR1pPKn97mDHXy8PR0zOZM8cncBPhk6N8TQwvb658-8Fqg05PjhDjpEOLsg
“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

Workshop เรียนปลูกผมแบบตัวต่อตัวด้วยเทคนิคขั้นสูง
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย


ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ